Pronoun


สารบัญ
Pronoun
Pronoun คือ คำสรรพนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำนาม เราจะใช้คำสรรพนามเพื่อแทนคำนามที่ได้พูดถึงไปแล้ว หรือพูดถึงคน สัตว์ สิ่งของ โดยแบ่งตามลำดับของผู้พูด เป็นบุรุษที่ 1 บุรุษที่ 2 และบุรุษที่ 3
คำสรรพนามสามารถทำหน้าที่เป็นประธาน และกรรมในประโยคได้ นอกเหนือจากคำนามและคำกริยาเติม -ing ที่ครูจิ๊บได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้แล้วในบทที่ 1 เรื่องของการสร้างประโยคที่สมบูรณ์ ดังนั้น คำสรรพนามจึงมีความสำคัญกับเรื่องของ Tense ต่างๆ ด้วย
คําสรรพนามมีความสำคัญ เนื่องจากในภาษาอังกฤษเราจะไม่สามารถใช้คำนามพูดถึงสิ่งเดียวกันซ้ำๆ หลายครั้งได้ ดังนั้น เราจึงต้องนำคำสรรพนามมาแทนที่คำนามที่เราได้พูดถึงไปแล้ว
ดังนั้น ลองมาดูวิธีการใช้คำสรรพนามแทนคำนามกันค่ะ
- Jacklyn has 3 dogs. They are labradors.
พวกเราจะเห็นว่าคำว่า they ที่แปลว่าพวกเขาแทนคำนามในประโยคก่อนหน้าซึ่งคือคำว่า 3 dogs - Henry was not satisfied with his job, so he quit it last week.
คำว่า he แทนคำว่า Henry ที่เป็นประธานในประโยคแรก
คำสรรพนามแบ่งออกเป็น 5 ประเภท เราลองมาดูคำสรรพนามในแต่ละประเภทกันค่ะ

*ในตารางของช่อง คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ Possessive adjective ถึงแม้จะไม่ใช่คำสรรพนาม แต่ครูจิ๊บใส่เข้ามาเพื่อให้พวกเราได้เทียบกับคำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive pronoun) เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น เรื่องคำสรรพนาม
เรามาดูคำสรรพนามในแต่ละประเภทอย่างละเอียดกันค่ะ
คำสรรพนามที่เป็นประธาน
มีคำว่า I, you, we, they, he, she, it ซึ่งหมายความว่าคำสรรพนามเหล่านี้จะต้องอยู่หน้าคำกริยาในประโยค เช่น
คำสรรพนาม บุรุษที่ 1 คำว่า I, we ซึ่งคำว่า we เป็นคำพหูพจน์ ที่รวม I หรือฉันเข้าไปด้วย
คำสรรพนาม บุรุษที่ 2 คำว่า you เป็นได้ทั้งรูปเอกพจน์และพหูพจน์
คำสรรพนาม บุรุษที่ 3 คำว่า they เป็นคำพหูพจน์ he, she, it เป็นเอกพจน์
- I thought that this handbag had been stolen.
- She regretted taking this job offer.
- My neighbor has a dog. It barks so loud at night.
คำสรรพนามที่เป็นกรรม
มีคำว่า me, you, us, them, him, her, it ซึ่งจะอยู่ตามหลังคำกริยาในประโยค เช่น
- Please don’t forget to wake me up tomorrow.
- The coach told them to work harder.
- The driver dropped her off at the office.
คำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ
(Possessive pronoun) เช่น his, hers, theirs, mine, ours, yours ซึ่งจะใช้แทนคำนามที่บอกความเป็นเจ้าของที่มีการกล่าวถึงไปแล้วซึ่งจะต่างจาก Possessive adjective เช่น my, your, our, their, his, her, its
- The police towed a car from the street. It was yours.
คำว่าyours สื่อถึงรถที่ถูกลากไปซึ่งเป็นของเธอหรือแทนคำว่า your car - Do you like the buns? They are mine.
คำว่า mine สื่อถึงขนมปังที่ถูกพูดถึง หรือแทนคำว่า my buns นั่นเอง - Whose notebook is this on my desk? Tony’s or Tina’s? I think it’s his.
คำว่า his สื่อถึงสมุดของโทนี่ หรือแทนคำว่า Tony’s notebook นั่นเอง
Reflexive
คือ คำสรรพนามที่ลงท้ายด้วย -self หรือ -selves ขึ้นอยู่กับจำนวนของประธานในประโยคโดยใช้เพื่อสะท้อนถึงประธานในประโยคที่เป็นผู้กระทำกริยาที่กล่าวถึงในประโยคนั้นเอง ประธานและกรรมจะเป็นคน หรือสิ่งเดียวกัน
คำกริยาเหล่านี้สามาถใช้ Reflexive ตามหลังเพื่อเป็นกรรมได้
– blame – introduce
– enjoy – satisfy
– kill – teach
– prepare – dress
เช่น
- I introduced myself to the group.
- Don’t blame yourself for this.
- The boy hurt himself while learning how to ride a bike.
- She drove by herself for the first time.
คำสรรพนามที่ไม่เฉพาะเจาะจง
(Indefinite Pronoun) ซึ่งเราจะใช้ในกรณีที่เราต้องการพูดถึงคนสัตว์หรือสิ่งของทั่วๆ ไป โดยที่เราไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใดกันแน่ เช่น

- Has anybody met the President?
- Where is everybody?
- There was nothing left when I arrived at the shop.
ข้อควรจำเกี่ยวกับ Pronoun
- คำสรรพนามที่ไม่เฉพาะเจาะจง เราจะใช้ในรูปเอกพจน์ กับคำกริยาเอกพจน์ เช่น เติม -s/-es ใน Present Simple tense
- คำว่า no one สะกดไม่ติดกัน
- คำที่ลงท้ายด้วย -one เช่น someone/ no one จะเป็นทางการมากกว่า
พวกเราจะเห็นว่าคำสรรพนามมีหลายรูปแบบดังนั้นพวกเราจะต้องทำความเข้าใจคำสรรพนามในแต่ละประเภทและใช้ให้ถูกต้องตามประเภทของมัน
บทสรุปท้ายบท Pronoun
- คำสรรพนามใช้แทนคำนามเพื่อไม่ให้การเขียนคำนามในประโยคซ้ำกันบ่อยเกินไป
- คำสรรพนามสามารถเป็นประธานหรือกรรมในประโยคได้
- พวกเราต้องเลือกใช้คำสรรพนามให้ถูกต้อง
- เราต้องเลือกเพศของคําสรรพนามบุรุษที่ 3 ให้ถูกต้อง
แนะนำสำหรับการเรียนรู้เพิ่มเติม
หากต้องการทำความเข้าใจเรื่องคำสรรพนามเพิ่มเติม ครูจิ๊บแนะนำให้เข้าไปดูคลิปวีดีโอตามลิงก์ด้านล่างนี้
VDO Credits : Grammaropolis – YouTube
VDO Credits : Flocabulary – YouTube
บทความอื่น
สำหรับภาษาอังกฤษระดับปานปลาง CEFR A2
Past Simple Tense
Past Simple Tense หรือ ประโยคอดีตกาล เป็นโครงสร้างประโยคที่เราใช้เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีต ที่สิ้นสุดไปแล้ว ปกติการเขียนประโยคในรูปอดีตจะง่ายมาก เพราะพวกเรา สามารถเติม -ed ท้ายคำกริยาได้เลย
Preposition
Preposition หรือคำบุพบทในภาษาไทย คือ คำที่มักจะอยู่ข้างหน้า คำนาม หรือ คำบุพบท เพื่อเชื่อมคำเหล่านี้กับคำอื่น ๆ ในประโยค สามารถใช้บอกเวลา ตำแหน่ง หรือ วิธีการก็ได้ ดังนั้นเราต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง
Relative Pronoun
Relative Pronoun หรือ ประพันธสรรพนาม คือ คำสรรพนามที่เอาไว้ใช้ขยายประโยคให้ประธานหรือกรรมในประโยคยาวขึ้น และมีรายละเอียดมากขึ้น โดยที่เราจะใช้นำหน้าส่วนขยายที่เราเรียกว่า relative clause
Everyday Conversation
Everyday Conversation ในแต่ละวันเราจะได้มีโอกาสสื่อสารภาษาอังกฤษจากหลากหลายสถานการณ์ รูปประโยคที่ใช้ในสถานการณ์ประจำวันจึงมีความสำคัญอย่างมาก เราควรใช้ให้เหมาะสมกับบริบทที่แตกต่างกัน
Pronunciation
Pronunciation หรือ การออกเสียงคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ จะไม่ออกเสียงตามตัวสะกด 100% ดังนั้นเราจึงต้องฝึกฟังเจ้าของภาษา และฝึกออกเสียงคำศัพท์บ่อยๆ จึงจะทำให้เราออกเสียงได้อย่างถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา
Present Simple Tense
Present Simple Tense หรือ ประโยคปัจจุบันกาล มีหลักการใช้หลายแบบ เช่น เหตุการณ์หรือข้อมูลที่เป็นความจริง การกระทำที่ทำบ่อย ๆ จนเป็นนิสัย และเหตุการณ์ในปัจจุบัน มีวิธีการสร้างประโยคหลากหลายรูปแบบ
Compound Sentence
Compound Sentence หรือ ประโยคความรวม คือ การนำประโยคความเดียวมากกว่า 2 ประโยคขึ้นไปมาเชื่อมเข้าด้วยกัน โดยใช้คำสันธาน หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าคำเชื่อมประโยค ซึ่งต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม
Sentence Structure
Sentence Structure หรือ โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ แบบพื้นฐาน ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ประธาน คำกริยา และ/หรือ กรรม จะมีความแตกต่างกับโครงสร้างประโยคของไทยหรือไม่ หาคำตอบได้ในบทความนี้
Future Simple Tense
Future Simple Tense หรือ ประโยคอนาคตกาล มีหลักการใช้หลายแบบ ไว้ใช้พูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต, การคาดเดาสถานการณ์ในอนาคต, ให้คำสัญญา รวมถึงการให้ข้อเสนอว่าจะทำอะไรในขณะนั้น
Responses